00 - 14. 30 ก็ไม่ยังไม่ต้องไปกินข้าวเที่ยงก่อนก็ได้ค่ะ ไปรอที่ชั้นที่สอบ Speaking ได้เลย เพราะมันรันเร็วมากเลย และมีโอกาสที่คนก่อนหน้าเราอาจไม่มาสอบ เขาจะได้เรียกข้ามมาถึงเราได้เลย รีบไปลงทะเบียนสอบเพื่อแจ้งให้เขารู้เลยว่าเรามาแล้ว แต่ถ้าใครสอบรอบหลังจากนั้นก็แนะนำให้ไปกินข้าวก่อนค่ะ แล้วค่อยกลับมาที่สถานที่สอบ ซึ่งเราไม่ต้องมาก่อนเวลาสอบ 30 นาทีก็ได้นะ เราจะมาก่อนเวลาสอบนานกว่านั้นก็ได้ค่ะ อย่างพี่ได้สอบรอบ 17. 35 น. ถือว่าเป็นรอบสุดท้ายของวันเลย แต่พี่ไปลงทะเบียนหน้าห้องสอบตั้งแต่ 15. 30 น. เพราะไม่รู้จะไปไหน เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าถ้าลงทะเบียนแล้วห้ามหายไปไหนไกลนะ เผื่อเรียก พี่ก็นั่งเล่นรอไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ก็เรียกตามลำดับไปเรื่อยๆ บางคนก็ไม่มา ไม่อยู่ เรียกไปเรียกมาก็มาถึงพี่เฉยเลยเพราะคนก่อนหน้ายังไม่มากันเลย พี่เลยได้สอบตอน 16.
0 ขึ้นไป *ตรงนี้อยู่ที่เกณฑ์ของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ด้วยนะ* *โดยสำหรับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ คะแนนขั้นต่ำจะขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยต่างๆ และระดับของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เช่น มหาวิทยาลัยระดับ Top 100 เช่น Durham, Warwick, Exeter, Nottingham จะรับคะแนน IELTS ตั้งแต่ 6. 0 ขึ้นไป ในส่วนของมหาวิทยาลัยระดับ Top 50 ขึ้นไป (Oxford, Cambridge, University College London และ Imperial College London) จะรับคะแนน IELTS ตั้งแต่ 7. 0 (ทุกแบนด์ต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 7. 0) สำหรับมหาวิทยาลัยในอเมริการะดับ Top 100 ควรได้ 6. 5 ส่วน Top 50 ควรได้ 7. 0) ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะรับคะแนน IELTS อยู่ที่ 6. 0 – 6.
- ประเทศคุณมีการท่องเที่ยวโดยเรืออะไรบ้าง Library - มาถึงก็ให้เขียนตอบคำถามเลย เกี่ยวกับ ห้องสมุด 3 ข้อ ให้เวลาสองนาที (นี่มันสอบพาร์ทอะไรวะ งง? )
IELTS คืออะไร?
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว คราวก่อนพี่แนะนำการสอบ IELTS แบบคร่าวๆ ให้รู้จักกันไปแล้ว คราวนี้มาดูเทคนิคดีๆ ที่จะทำให้วันสอบเป็นไปด้วยความราบรื่นกันค่ะ ตอนนี้จะยังไม่ใช่เทคนิคทำข้อสอบแค่ละพาร์ทนะคะ แต่เป็นเรื่องน่ารู้ในวันสอบจริงค่ะ หมายเหตุ: เป็นเทคนิคที่ได้มาจากการไปสอบ IELTS ของบริติชเคาน์ซิล หากเป็นของ IDP อาจแตกต่างกัน การจำกำหนดการคร่าวๆ ได้ว่าวันที่ไปสอบจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สามารถช่วยให้เรากะเวลาต่างๆ ได้ดีมากขึ้น แม้วันจริงทุกอย่างอาจไม่ตรงตามเวลาในกำหนดการเป๊ะๆ แต่มันก็ช่วยให้เรารู้ลำดับก่อนหลังได้ กำหนดการได้แก่ 7. 50 - 8. 00 8. 01 - 8. 50 8. 50 - 9. 00 9. 01 - 9. 40 9. 41 - 9. 50 9. 51 - 10. 50 10. 51 - 11. 00 11. 01 - 12. 00 13.
รีวิวการสอบ ตอนนั้นเราสมัครแบบ Computer-delivered IDP จะสอบที่ตึก FYI ฝั่งตรงข้ามศูนย์สิริกิติ์ ใต้ตึกมี ร้านอาหาร 711 สะดวกสำหรับผู้ไปสอบค่ะ ส่วนตัวเราไม่แนะนำให้เอารถไปเพราะค่าจอดแพงมาก ถ้าจำไม่ผิดคือ 100 บาท/ชั่วโมง ตอนนั้นเราสมัครผ่านเว็บไซต์ พอสมัครและจ่ายเงินเสร็จจะมีอีเมลส่งมาคอนเฟิร์ม วัน/เวลาสอบ/สอบ speaking จากสถาบันอีกทีค่ะ ค่าสอบแบบ Computer ตอนเรา 7, 500 จ่ายทีกระเป๋าบางเลย TT ตอนนั้นเลยตั้งใจว่ายังไงต้องรอบเดียวผ่านให้ได้ Update (2021): ของ IDP ตอนนี้ค่าสอบอยู่ที่ประมาณ 6, 900 แล้วค่ะ ข้อดีของการสอบกับคอมคือ 1. รอบเยอะ และเลือกได้ว่าจะสอบสัมภาษณ์/ข้อเขียนตอนไหน เหมือนตอนเราจะมีให้เลือก เช้า/บ่าย ตอนนั้นเราเลือก speaking เช้า 10 โมงค่ะ ข้อเขียนเป็นตอนบ่าย สอบวันเดียวกัน 2. ตอนสอบ speaking ไม่ต้องเจอคนเยอะค่ะ พอไปถึงตอนเช้าวันสอบก็จะมีการถ่ายรูป ขอบัตรประชาชนเราเพื่อไปแปะเลขประจำตัวสอบ รอสักพักก็จะมีพนักงานเรียกไปนั่งรอหน้าห้องสอบของเราตอนนั้นมีคนก่อนหน้าแค่คนเดียวเองค่ะ รอไม่นานอาจารย์ที่เป็นคนสอบ speaking ก็ออกมาเรียก ตอนนั้นเราได้อาจารย์ผู้หญิงวัยรุ่น ท่าทางใจดี เลยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง บรรยากาศตอนสอบ speaking ไม่ตึงเครียดอย่างที่เตรียมใจมา ส่วนคำถามตอนนั้นได้คำถามที่พอแถได้เลยไม่กดดันมากค่ะ 3.